Saturday, March 28, 2009

Leica M6 "นอกเหนือจากนี้ล้วนเป็นความฟุ่มเฟือย"

http://www.thailandoutdoor.com

บรรยากาศของตลาดสดยามเช้ากำลังคึกคัก รอบตัวผมเต็มไปด้วยอาหารซึ่งส่วนมากเป็นผักสดและปลา
หลากชนิดที่เป็นผลผลิตจากความอุดมสมบูรณ์ของลำน้ำโขง

ขณะที่ผมพยายามสื่อสารกับแม่ค้าด้วยภาษาที่แตกต่างกัน กล้องตัวเล็กๆที่ดูโบราณที่แขวนขอผมอยู่ไม่
ได้ดึงดูดความสนใจแม้แต่น้อย เธอไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ามีเสียง"คลิ๊ก" เบาๆเมื่อผมกดชัตเตอร์






แม้จะวุ่นวายกับการขายของ แต่แม่ค้าทั้งหลายก็ม
ีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสแตกต่างไปจากที่อื่นที่เคยพบ
เห็นมา ผมมองไปรอบๆ สิ่งรอบตัวล้วนแล้วแต่น่า
บันทึกไว้

Leica M6 35mm f/2 Summicron






เจ้าของแผงขายความรวยกำลังอธิบายรางวัล
สลากกินแบ่งของลาวให้ผมฟังในขณะที่ผกด
ชัตเตอร์โดยไม่เล็ง

กล้อง Leica M6 เลนส์ 21mm f/2.8 Elmarit


"ใครว่าไดโนเสาร์สูญพันธ์ไปแล้ว" นี่คือคำพูดจากเพื่อนผมเมื่อเขาเห็นอุปกรณ์ถ่ายภาพที่ผมใช้ ก็
สมควรอยู่กับที่เขาว่าเพราะท่ามกลางกระแสไฮเทคของกล้อง Auto Focus ที่มีความสามารถมาก
มาย จนกระทั่งจะถึงยุคของกล้องไร้ฟิลม์กันอยู่แล้ว ผมยังคงใช้กล้อง Range Finder ที่มีรูปทรง
และ Function ใกล้เคียงกับต้นตระกูลของมันที่เกิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1954 อยู่

ครับ กล้องที่ผมกำลังพูดถึงคือ Leica M6









ตัวผมเองเริ่มรู้จักกล้องไลก้าอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน หลังจากที่ไดฟังผู้อาวุโสชาว
อเมริกันคนหนึ่งบรรยายถึงประสพการณ์ ของแกที่มีกับไลก้า M3 ในฐานะช่างภาพสงครามจนทำให้
ผมตัดสินใจซื้อกล้อง M3 มือสองราคาสี่ร้อยเหรียญหรือประมาณหนึ่งหมื่นบาทในขณะนั้น ซึ่งก็นับ
ว่ามากโขสำหรับคนพลัดถิ่นที่ทำงานได้ชั่วโมงละห้าเหรียญอย่างผม แต่ก็คิดในใจว่าถ้าไม่พอใจก็
ขายต่อได้โดยไม่เจ็บตัว(มากนัก)

ได้กล้องมาแล้วผมก็จัดการเปิดแม็กกาซีนสั่งเลนส์ 90mm f2.8 Elmarit รุ่นเก่ามาทางไปรษณีย์ มา
"ลองดู"อีกเหมือนกันเพราะร้านที่สั่งยอมให้ส่งคืนได้ภายในเจ็ดวัน

เมื่อเลนส์มาถึง ผมเกือบจะส่งมันคืนไปทันที่ทีเปิดกล่องออกดูเพราะกระบอกเลนส์ข้างนอกบุบบิบบู้บี้
ไปทั่ว หน้าตาก็โบราณ แถมว่าหัวเลนส์ยังหมุนออกจากกระบอกได้ง่ายๆจนทำให้ผมหมดศรัทธา
มิน่าเล่าถึงได้ขายถูกนัก แต่เมื่อส่องดูก็ผบว่าเลนส์ยังใสแจ๋วแม้จะมีขนแมวบ้าง ผมจึงได้ตัดสินใจ
เอาฟิล์มสไลด์ใส่เจ้า M3 และ กล้อง Nikon คู่มือแล้วนำมันออกไปถ่ายเทียบกันระหว่าง เจ้า 90มม.
บู้บี้ กับ 105 f2.5 Nikkor ตัวเก่ง

วันรุ่งขึ้น ทันทีที่ได้ดูฟิล์มที่ถ่ายมา ผมรู้สึกทันทีว่าตัวเองยังโชคดีอยู่บ้างที่ไม่ด่วนส่งเลนส์คืนไป ความ
คมชัดของภาพจากกล้องสองตัวอาจไม่ต่างกันมาก แต่สีของภาพจากไลก้ากลับมีสีสรรนุ่มนวลสมจริง
กว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีผิวคน(ฟิล์มที่ใช้เป็นม้วนเดียวกัน) ดังนั้นเจ้าบู้บี้จึงกลายเป็น
เลนส์ตัวเก่งของผมไปในทันที นอกจากนี้ผมยังเริ่มติดใจกับความกระทัดรัดของ M3 อีกด้วย อีกหลาย
ปีต่อมาหลังจากมีงานการทำผมจึงได้กัดฟันถอย M6 ออกมาเป็นกล้องคู่มือและทยอยซื้อเลนส์อีก2-3ตัว






เลนส์ 90 f2.8 Elmarit รุ่นเดียวกับเจ้าบู้บี้ของผม






กล้องไลก้านั้นถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมๆกับฟิล์มขนาด 35มม.ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ตั้แต่ปี 1913-1914
ตลอดเวลา กว่า 80 ปีที่ผ่านมา กล้องไลก้าพัฒนามาเป็นกล้อง Range Finder ที่เปลี่ยนเลนส์ได้เริ่ม
จากเลนส์ที่ใช้เกลียวและมาเป็นแบบเขี้ยว ถึงแม้ ไลก้าจะแตกแขนงไปทำกล้อง Single Lense
Reflex แข่งกับคนอื่นเพื่อความอยู่รอดตั้งแต่ 1964 แต่การผลิตกล้อง Range Finder ของไลก้าก็ยัง
คงดำเนินมาถึงทุกวันนี้





กล้อง Leica III ที่ใช้เลนส์แบบเกลียว


กล้อง Ur Leica ต้นแบบ กล้อง
35.. ตัวแรกของโลก





การพัฒนากล้อง Range Finder เป็นไปอย่างรวดเร็วในระยะแรก จนมาถึงจุดอิ่มตัวหลังจากการเปิด
ตัวของ M3 อันเป็นกล้องตระกูล M ตัวแรก ในปี 1954 อาจเป็นไปได้ว่าM3เป็นกล้องที่สมบูรณ์ในตัว
เองจนวิศวกรของไลก้าหาทางปรับปรุงมันไม่ได้มากนักตลอดเวลาสี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา!




ภายในของ Leica M6
ทายาทปัจจุบันของ ตระกูล M



Leica M3 ต้นตระกูล M





M6 เป็นตัวแทนของกล้องตระกูลM ในยุคปัจจุบัน มันเป็นกล้องRange Finder ตัวเดียวที่ไลก้ายัง
ผลิตอยู่และผมเชื่อว่ามันจะเป็นตัวสุดท้ายของเผ่าพันธ์ที่เกรียงไกรก่อนที่กล้องใช้ฟิล์มจะถูกกลืน
ไปด้วยกระแสของกล้อง Digital ในไม่กี่ปีข้างหน้า มันยังคงรูปทรงอมตะของM3 อยู่อย่างไม่เสื่อม
คลาย การปรับปรุงจาก M3 ที่พอจะมองเห็นได้ชัดเห็นจะมีเพียง เครื่องวัดแสงผ่านเลนส์แบบ
Selective , ทางเลือกที่จะต่อ Widerได้, และช่องมองภาพที่ สามารถ ใช้ได้กับเลนส์มุมกว้างได้
ถึง28มม. (ช่องมองภาพในตัวM3ใช้ได้แค่ 50มม. M2ที่ออกมาตามหลัง M3 ใช้ได้กับเลนส์ 35มม.
ต่ำกว่านี้ต้องใช้ Adaptor หรือช่องมองภายนอก) แต่ในขณะเดียวกันมันก็ยังคงรักษาชื่องเสียงใน
ด้านคุณภาพและความทนทานของ M3 ไว้เอย่างเหนียวแน่น

ช่องมองภาพของ M6 ก็ทำงานในลักษณะเดียวกับ M3 เมื่อใส่เลนส์เขี้ยวที่เลนส์จะไปกดกระเดื่อง
ที่ตัวกล้องทำให้กรอบที่ถูกต้องปรากฎขื้นมาเป็นเส้นสีขาวในช่องมองภาพ




ช่องมองภาพของM6 เมื่อใส่เลนส์
35mmหรือ 135mm.


ด้วยข้อจำกัดของช่องมองภาพทำให้เลนส์ของไลก้า M ถูกจำกัดอยู่ในช่วง 21ม.ม. ถึง135ม.ม.
จริงๆแล้วก็นับว่าพอเพียงสำหรับการถ่ายภาพทั่วไป ยกเว้นคนที่ต้องการเลนส์ยาวสำหรับงาน
พิเศษ ในช่วงความยาวเลนส์ 21ม.ม.-135ม.ม.นี้ไลก้ามีเลนส์ให้เลือกมากมาย เลนส์ขนาดหนึ่งๆ
อาจมีหลายตัวให้เลือกใช้ทั้งรูรับแสงกว้างหรือแคบตามความต้องการ แน่นอนเลนส์ที่มีรูรับแสง
กว้างย่อมมีราคาแพงกว่าเลนส์รู้รับแสงแคบ (บางกรณีแพงกว่ากันหลายเท่าตัว) แต่ทั้งนี้มิได้
หมายความว่าเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างจะให้ภาพที่มีคุณภาพดีกว่ากว่าเลนส์รู้รับแสงแคบอย่างที่
หลายๆคนเข้าใจผิดกัน ตามหลักการของไลก้าแล้ว, ถ้าปัจจัยอื่นๆเท่าเทียมกัน, เลนส์ที่มีรู้รับ
แสงแคบกลับจะให้คุณภาพๆที่ดีกว่าด้วยซ้ำไป! เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ได้ต้องการถ่ายภาพในที่
แสงน้อยคุณก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปซื้อเลนส์ f-stop กว้างให้เปลืองทรัพย์ไปเปล่าๆ






50 f2 Summicron เลนส์
50มม.ที่กล่าวได้ว่าดีที่สุดใน
โลกตัวหนึ่ง




เลนส์ Leica M



ผมพบว่าเลนส์ไลก้าที่เคยใช้มา ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีคุณภาพ แต่ผมต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่า
ผมไม่ต้องการเถียงเรื่องคุณภาพเลนส์กับใครว่าตัวไหนคมกว่ากัน ผมเชื่อว่าความคมชัดระดับสุด
ยอดไม่ได้ทำให้ภาพธรรมดากลายเป็นภาพที่ดีขึ้นมาได้แต่อย่างใด แต่การเลือกใช้กล้องและเลนส์
ให้เหมาะสมกับรูปแบบการถ่ายภาพของแต่ละคนกลับมีส่วนส่งเสริมได้มากกว่า

ข้อดีของกล้อง Range Finder ก็มีอยู่ไม่น้อย รูปร่างที่ไม่สะดุดตาคนทั่วไปและเสียงชัตเตอร์ที่เงียบ
กริบ ทำให้มันเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้บันทึกภาพผู้คนในสภาพแวดล้อมจริงๆ ขนาดที่เล็กทั้งกล้อง
และเลนส์, น้ำหนักที่เบามันยังเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นเพื่อนเดินทางในกรณีที่ต้องเดินตระเวน
ไป การที่มันเป็นRange Finderจึงทำให้ไม่มีปัญหาในการโฟกัสกับเลนส์รูรับแสงแคบในที่มืดแบบ
ที่กล้อง SLRเป็น การที่ไม่ทีกระจกสะท้อนภาพทำให้ระยะห่างระหว่างเลนส์กับฟิล์มน้อยลงซึ่งก็มี
ผลให้เลนส์มีขาดเล็กกว่าเลนส์ SLRในขนาดเดียวกัน หลายคนอธิบายว่าการทำเลนส์ขนาดเล็ก
ย่อมทำได้ดีกว่าเลนส์ชิ้นใหญ่อันนี้ไม่ยืนยันนะครับ นอกจากนี้การมองเห็นสิ่งต่างที่อยู่นอกกรอบ
ที่เลนส์บันทึกก็ทำให้เราสามารถเลือกวัตถุมาจัดองค์ประกอบภาพได้ดีขึ้น




ถ้ามองกันถึงความสามารถและฟังก์ชั่นอำนวยความ
สะดวกของตัวกล้องแล้ว M6 ไม่สามารถเทียบได้กับ
กล้องออโต้โฟกัสสมัยใหม่ได้เลย แต่ใช่หรือไม่ว่าเราชื่น
ชอบการถ่ายภาพเพราะต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง
ภาพถ่ายที่ดีขึ้นมา ถ้าคุณเพียงต้องการรูปที่ดีโดยไม่ต้อง
คิดต้องทำอะไรก็ไปซื้อรูปที่คนอื่นถ่ายมาเลยดีกว่า ใน
กรณีM6ก็มีทุกอย่างเราต้องการอย่างไม่บกพร่อง อะไร
นอกเหนือจากนี้ล้วนเป็ความฟุ่มเฟือย


ผมไม่ได้บอกว่าM6เป็นกล้องที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ผมเลือกใช้
M6 เพราะมันทำให้ผมสามารถกลมกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ
วิถีชีวิตคนที่ผมได้พบเห็นโดยไม่รบกวนสิ่งที่กำลังเนินไปตาม
จังหวะชีวิตและทำให้ผมสามารถบันทึกเรื่องราวแท้จริงลงบน
ฟิล์มได้

แต่ในขณะที่ผมตามถ่ายภาพกระทิงในป่า M6ย่อมไม่ใช่ตัวเลือก






Leica M6 Lense 90
f2.8 Elmarit





ผมนั่งดูภาพที่ถ่ายมาจากตลาดสดในเช้าวันนั้น ในความคิดของผมมันเป็นภาพขาวดำที่เต็มไปชีวิต
ชีวา ตัวแบบทุกคนล้วนแล้วแต่กำลังดำเนินชีวิตไปตามจังหวะและลีลาของเขาเอง ผมและไลก้า M6
เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งในฐานะผู้บันทึกเหตุการณ์เท่านั้น




ตาเกิ้น 24 เมษายน 2542


ดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก Leica Website

หนังสือLeica Lenes and Practice

หนังสือ Leica Collector Handbook


No comments:

Post a Comment